ฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยประจำปีเพาะปลูก พ.ศ. 2556
ฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยประจำปีเพาะปลูก พ.ศ.2556
1.วัตถุประสงค์
ชีวมวล (Biomass) เป็นแหล่งกักเก็บพลังงานของพืชที่ต้องอาศัยแสงอาทิตย์ในการสังเคราะห์แสงและเจริญเติบโต จากนั้นแปรเปลี่ยนสภาพเป็นของแข็งหรือแปรสภาพเป็นของเหลวที่สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนพลังงานจากฟอสซิลได้จัดเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่สำคัญชนิดหนึ่ง
ชีวมวลที่นำมาใช้เป็นพลังงาน มีแหล่งที่มาได้ 2 แหล่งคือ เศษวัสดุเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยวหรือจากการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรที่สามารถนำมาใช้เชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานได้และจากการปลูกพืชเพื่อนำมาใช้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานโดยเฉพาะ
โครงการศึกษา พัฒนาระบบฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยในครั้งนี้ จะนำเสนอเฉพาะในส่วนของระบบฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลจากเศษวัสดุเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยวหรือจากการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรที่สามารถนำมาใช้เชื้อเพลิงได้ โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการคือ
1. ศึกษา รวบรวมข้อมูลชีวมวลที่เป็นเศษวัสดุเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยวหรือจากการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลปริมาณที่เกิดขึ้น การนำไปใช้ประโยชน์และปริมาณคงเหลือในแต่ละปี
2. พัฒนาระบบฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลที่เป็นเศษวัสดุเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยวหรือจากการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร โดยนำเสนอฐานข้อมูลในรูปแบบศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลทุกชนิดที่มีอยู่ในแต่ละอำเภอของทุกจังหวัด ทุกภูมิภาคและทั่วทั้งประเทศ ด้วยเทคโนโลยีของแผนที่เชิงภูมิสารสนเทศ ( GIS)
2.เป้าหมาย
การจัดทำระบบฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่สำคัญคือ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ นักลงทุน นักวิจัยที่เกี่ยวข้องหรือสนใจด้านพลังงานชีวมวลใช้สำหรับศึกษาข้อมูลเบื้องต้นถึงศักยภาพชีวมวลที่เหลืออยู่ ( Residue Potential) ในแต่ละพื้นที่ เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำนโยบายส่งเสริมสนับสนุน ลงทุนหรือศึกษาวิจัย อย่างไรก็ดีหากมีการตัดสินใจที่จะดำเนินการใดๆ จะต้องทำการศึกษาข้อมูลศักยภาพชีวมวลที่สามารถรวบรวมมาใช้ได้จริง ( Real Potential) อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนการตัดสินใจ
3.ประเภทพืชและชนิดของชีวมวลที่ทำการศึกษา
ระบบฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยที่พัฒนาและจัดทำขึ้นนี้ แสดงข้อมูลศักยภาพชีวมวลที่เกิดขึ้นในพื้นที่เก็บเกี่ยวภายหลังการเก็บเกี่ยวหรือโค่นต้นได้แก่ 1.ฟางข้าว 2.ใบและยอดอ้อย 3.เหง้ามันสำปะหลัง 4.ยอดใบและลำต้นข้าวโพด 5.ใบและทางปาล์ม 6.ยอดใบและลำต้นถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง 7.จั่นและทะลายมะพร้าว 8. ทางและใบมะพร้าว 9.ลำต้นปาล์มน้ำมัน 10. ปลายไม้ยางพารา 11.ตอ รากและกิ่งก้านไม้ยางพารา
และข้อมูลศักยภาพชีวมวลที่เกิดขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรมภายหลังการแปรรูป ได้แก่ 12.แกลบ 13.ชานอ้อย 14.ซังข้าวโพด 15.เปลือกมันสำปะหลัง 16.กากมันสำปะหลัง 17.ทะลายปาล์มเปล่า 18.เส้นใยปาล์ม 19.กะลาปาล์ม 20.ปีกไม้ยางพารา 21.ขี้เลื่อยและเศษไม้ยางพารา 22.เปลือก กาบและกะลามะพร้าว 23.เปลือกมะม่วงหิมพานต์
4.แนวทาง ขั้นตอนและข้อมูลที่ใช้ในการประเมินศักยภาพชีวมวล
การศึกษา รวบรวมเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยในครั้งนี้ มีแนวทางและขั้นตอนการดำเนินงานที่สำคัญ 2 ขั้นตอน (1.) การศึกษา รวบรวมข้อมูลปริมาณการเกิด การนำไปใช้ประโยชน์และปริมาณคงเหลือของชีวมวลแต่ละชนิดและ (2.) การจัดทำระบบฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวล
5.การประเมินปริมาณการเกิดชีวมวล
มีขั้นตอนการดำเนินการและข้อมูลที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย
1. รวบรวม ศึกษาปฎิทินการปลูก การเก็บเกี่ยวพืชที่เกิดชีวมวลภายหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูป พร้อมทั้งจำนวนพื้นที่ปลูก (ไร่/ปี) อัตราผลผลิต (ตัน/ไร่) และปริมาณผลผลิต (ตัน/ปี) ในแต่ละอำเภอ/จังหวัดทั่วประเทศจากรายงานประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย 1. ข้าวนาปี 2. ข้าวนาปรัง 3. อ้อยโรงงาน 4.มันสำปะหลัง 5.ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 6.ปาล์มน้ำมัน 7.ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง 8.มะพร้าว 9.มะม่วงหิมพานต์
2. รวบรวมพื้นที่โค่นต้นยางพารา(ไร่/ปี) และพื้นที่โค่นต้นปาล์มในแต่ละอำเภอ/จังหวัดทั่วประเทศจากรายงานประจำปีของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. รวบรวม ศึกษาข้อมูลสัดส่วนการเกิดชีวมวลต่อปริมาณผลิต ได้แก่
ตารางแสดงสัดส่วนการเกิดชีวมวลต่อปริมาณผลผลิตที่ใช้ประเมินปริมาณการเกิดชีวมวลแต่ละชนิด
4. การประเมินปริมาณการเกิดชีวมวลแต่ละชนิดในทุกอำเภอ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดังสมการ
ปริมาณชีวมวลที่เกิด (ตัน/ปี) = ปริมาณผลผลิต (ตัน/ปี) x สัดส่วนชีวมวลต่อปริมาณผลผลิต (ตันชีวมวล/ตันผลผลิต)
ปริมาณชีวมวลที่เกิด (ตัน/ปี) = ปริมาณพื้นที่โค่น (ไร่/ปี) x สัดส่วนชีวมวลต่อพื้นที่โค่น (ตันชีวมวล/ไร่)
5. ศึกษา รวบรวมข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรที่เป็นแหล่งกำเนิดชีวมวลแต่ละชนิดในแต่ละอำเภอ/จังหวัดทั่วประเทศจากฐานข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ โรงสีข้าว โรงงานน้ำตาล โรงสีข้าวโพด โรงงานแป้งมันสำปะหลัง โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โรงงานแปรรูปไม้ยางพารา โรงงานแปรรูปมะพร้าว โรงงานแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และอื่นๆ
6. ประเมินปริมาณชีวมวลทุกชนิดที่เกิดขึ้นในแต่ละอำเภอของทุกจังหวัด
7. สุ่มสำรวจปริมาณการเกิดชีวมวลแต่ละชนิดเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการประเมินการเกิดชีวมวลแต่ละชนิด ทั้งชีวมวลที่เกิดขึ้นในพื้นที่เก็บเกี่ยวภายหลังการเก็บเกี่ยวและชีวมวลที่เกิดขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
6.การประเมินปริมาณการใช้ชีวมวลแต่ละชนิด
มีขั้นตอนการดำเนินการและข้อมูลที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย
1. ศึกษา รวบรวม ข้อมูลแนวทางและความเป็นไปได้ในการนำชีวมวลแต่ละชนิดไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า การนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานความร้อน การนำไปใช้ในภาคปศุสัตว์ ภาคเกษตรและอื่นๆ
2. ศึกษา รวบรวมข้อมูลโรงไฟฟ้าที่ใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าและ/หรือความร้อนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) กระทรวงพลังงานและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
3.ศึกษา รวบรวมข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตความร้อนและ/หรือพลังงานไฟฟ้า จากฐานข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้หม้อน้ำ หม้อน้ำมันร้อน เตาเผาและเตาอบ ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
4. ศึกษา รวบรวมข้อมูลการนำชีวมวลแต่ละชนิดไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่นในภาคปศุสัตว์ ใช้สำหรับเลี้ยงสัตว์ ในภาคเกษตรใช้คลุมดิน เป็นต้น
5. ประเมินปริมาณชีวมวลทุกชนิดที่มีการนำไปใช้ประโยชน์แล้ว ได้แก่การนำไปใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าและผลิตพลังงานความร้อน ใช้เลี้ยงสัตว์ ใช้คลุมดิน และอื่นๆ โดยทำการประเมินในแต่ละอำเภอของทุกจังหวัดทั่วประเทศ
6. สุ่มสำรวจปริมาณการใช้ชีวมวลต่ละชนิดในโรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม ภาคปศุศัตว์ ภาคเกษตร เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการประเมินการใช้ชีวมวลแต่ละชนิด
7.การประเมินปริมาณคงเหลือและศักยภาพพลังงานของชีวมวลแต่ละชนิด
มีขั้นตอนการดำเนินการและข้อมูลที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย
1. การประเมินปริมาณคงเหลือของชีวมวลแต่ละชนิดในแต่ละอำเภอของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดังสมการ
ปริมาณคงเหลือของชีวมวลแต่ละชนิด = ปริมาณที่เกิด – (ปริมาณที่นำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้า +
ปริมาณที่นำไปใช้สำหรับผลิตความร้อน + ปริมาณที่นำไปใช้ในภาคส่วนอื่นๆ)
2.ข้อมูลที่ใช้ในการประเมินศักยภาพพลังงานของชีวมวลของชีวมวลแต่ละชนิด ประกอบด้วย
2.1 ค่าความร้อนของชีวมวลแต่ละชนิด
ตารางแสดงค่าความร้อนและความชื้นของเชื้อเพลิงที่ใช้ประเมินศักยภาพแต่ละชนิด
2.2 ค่าความร้อนเทียบเท่าพันตันน้ำมันดิบ
1 ktoe = 42,120,000 MJ = 11,700,000 k-Wh
2.3 กำลังผลิตติดตั้งของโรงไฟฟ้า (MW)
เงื่อนไขคือโรงไฟฟ้าเดินเครื่อง 24 ชม./วัน 330 วัน/ปี ที่ประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า 20 %
8.ผลการประเมินศักยภาพพลังงานชีวมวลแต่ละชนิด
ตารางแสดงผลการประเมินศักยภาพชีวมวลแต่ละชนิด
หมายเหตุ ข้อมูลของปีการเพาะปลูก พ.ศ. 2556
9.ตัวอย่างการใช้งานฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวล
ภายหลังการดำเนินการศึกษา รวบรวม ประเมินและสำรวจปริมาณการเกิด การนำไปใช้ประโยชน์แล้วและปริมาณคงเหลือของชีวมวลทั้ง 23 ชนิด ในทุกอำเภอทุกจังหวัดเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลศักยภาพชีวมวลดังกล่าวจะถูกนำเข้าฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลที่พัฒนาและจัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอเผยแพร่ในเวบไซต์ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) โดยขั้นตอนการใช้งานฐานข้อมูลมีดังต่อไปนี้คือ
1. เข้าเวบไซต์กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน WWW.dede.go.th ซึ่งหน้าเวปจะแสดงดังรูป
2. จากหน้าเวป พพ. คลิกที่ศักยภาพพลังงานทดแทน หน้าเวบจะแสดง ดังรูป
3. เมื่อคลิกที่ศักยภาพพลังงานชีวมวล หน้าเวบจะแสดงข้อมูลศักยภาพชีวมวลระดับประเทศและแต่ละภูมิภาค ดังรูป
4. เมื่อคลิกที่ Thailand จะแสดงข้อมูลรายละเอียดชีวมวลแต่ละชนิด ประจำปีเพาะปลูก 2556
ในขณะที่ถ้าคลิกที่ภูมิภาคใดๆ ก็จะเป็นรายละเอียดชีวมวลแต่ละชนิดของภาคนั้นๆ ประจำปีเพาะปลูก 2556
5. เมื่อคลิกที่ box ขวามือจะแสดงข้อมูลศักยภาพชีวมวลของแต่ละจังหวัดในแต่ละภูมิภาค ดังรูปตัวอย่าง
6. เมื่อคลิกที่จังหวัดใดจะแสดงข้อมูลรายละเอียดชีวมวลแต่ละชนิด ณ จังหวัดนั้น ๆ ประจำปีเพาะปลูก 2556
7. เมื่อคลิกที่ box ขวามือของจังหวัดใดๆ ก็จะแสดงข้อมูลศักยภาพชีวมวลของแต่ละอำเภอในแต่ละจังหวัด ดังรูปตัวอย่าง
8. เมื่อคลิกที่อำเภอใดจะแสดงข้อมูลรายละเอียดชีวมวลแต่ละชนิด ณ อำเภอนั้น ๆ ประจำปีเพาะปลูก 2556
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) คาดหวังว่า ฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยที่ได้พัฒนาและจัดทำขึ้นครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานของประเทศ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ มูลนิธิ นักลงทุนภาคเอกชน นักวิชาการหรือนักวิจัย นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป สำหรับใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่อไป
อย่างไรก็ดี ข้อมูลศักยภาพชีวมวลที่นำเสนอเป็นข้อมูลศักยภาพที่รวบรวมปริมาณชีวมวลทุกชนิดที่คงเหลืออยู่ ( Residue Potential) ในแต่ละอำเภอของแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นข้อมูลจากการประเมินและสุ่มสำรวจเท่านั้น ข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้ประโยชน์สำหรับพิจารณาประกอบการตัดสินใจถึงความเป็นไปได้ (Feasibility) ในการดำเนินโครงการในเบื้องต้น อาทิเช่น การพิจารณาว่าในอำเภอใด จังหวัดใดหรือภูมิภาคใดมีชีวมวลชนิดไหนบ้างที่คงเหลืออยู่และเหลืออยู่เท่าไร มีศักยภาพเพียงพอที่จะนำมาใช้เป็นพลังงานได้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์กับหน่วยงานภาครัฐในการพิจารณาจัดทำนโยบายส่งเสริมสนับสนุนการนำชีวมวลมาใช้เป็นพลังงานทดแทน เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในแง่ของการพิจารณาตัดสินใจลงทุนและเป็นประโยชฯต่อนักวิชาการ/นักวิจัยที่จะใช้สำหรับพิจารณาศึกษาวิจัยต่อยอด เป็นต้น ตัวอย่างเช่น หากพิจารณาชีวมวลที่มีปริมาณคงเหลือและมีศักยภาพมากที่สุดในประเทศไทยคือใบและยอดอ้อย 1,647 MW โดยจังหวัดที่มีปริมาณคงเหลือและศักยภาพสูงสุดคือจังหวัดนครสววรค์รวม 137.6 MW โดยอำเภอที่มีปริมาณคงเหลือและศัยภาพสูงสุด 3 อำเภอแรกคือ พยุหะคีรี ตาคลีและตากฟ้า 34.46 MW 29.32 MW และ 26.33 MW เรียงตามลำดับ แต่หากประสงค์ที่จะดำเนินโครงการหรือลงทุนนำใบและยอดอ้อยมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ต้องทำการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม อาทิเช่น ปริมาณใบและยอดอ้อยที่ที่เหลืออยู่จริงที่ไม่ได้ถูกเผาไฟก่อนตัดส่งโรงงานน้ำตาล ปริมาณที่สามารถรวบรวมนำมาใช้ได้จริง เป็นต้น เพื่อให้ได้ข้อมูลปริมาณและศักยภาพที่แท้จริง (Real Potential) ก่อนการตัดสินใจดำเนินโครงการอย่างจริงจัง และชีวมวลชนิดอื่นๆ ก็ต้องศึกษาปริมาณและศักยที่แท้จริงเช่นเดียวกัน
ในอนาคต พพ. จะพยายามพัฒนาฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยนี้ให้มีความทันสมัย พร้อมทั้งปรับปรุงข้อมูลศักยภาพชีวมวลให้เป็นปัจจุบันเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามตามวิสัยทัศน์ของ พพ. คือ “เป็นองค์กรฐานความรู้ (Knowledge Base) และศูนย์กลางในการผลักดันพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน” ต่อไป
Attachment | Size |
---|---|
ฐานข้อมูลศักยภาพชีวมวลในประเทศไทยประจำปีเพาะปลูก พ.ศ. 2556.pdf | 975.5 KB |